Category: Life at India

  • December 9 , Where do you want to go today?

     

    Bill Gates at Bangalore
    วันนี้ได้มีโอกาสไปงานเปิดตัว  VS 2005.NET SQL SERVER 2005 Biztalk 2006 ซึ่ง บิลเกตมาเปิดตัวเองเลย
    โดยใช้ชื่องานว่า Ready To ROCK The Launch

    งานจัดที่ Palace Ground เป็นปราสาทเก่าของบังกาลอร์ ทำให้รู้ว่าที่นี่ก็มีปราสาทกับเขาเหมือนกัน
    ก่อนจะเข้างานไปเที่ยวงาน Digital Life Style  เป็นงานแสดงสินค้า (more…)

  • If I am is what I have and what I have is lost then who am I?

    If I am is what I have and what I have is lost then who am I?

    If I am is what I have and what I have is lost then who am I?

    ถ้าตัวตนของเราคือสิ่งที่เรามี….ถ้าเราสูญเสียในสิ่งที่เรามีไปซะละ เราจะเป็นอะไร?

    เมื่อเราให้ความสำคัญกับอะไรบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ บุคคล งาน หรือ สิ่งอื่นๆก็แล้วแต่จนสามารถบอกได้ว่าตัวเราเองคือสิ่งนั้น ทำให้แต่สิ่งนั้น ให้ความสำคัญแต่สิ่งนั้นแน่นอนว่าสิ่งที่เราให้ความสำคัญไป มันไม่ใช่ตัวเรา หรือ สิ่งที่ถูกต้องเพียงแค่เราคิดว่ามันเป็นสิ่งที่สำคัญกับชีวิต อารมณ์ หรือ อะไรก็แล้วแต่ในตัวของเรา

     

    แล้วถ้าวันใดวันหนึ่งสิ่งเหล่านั้นมันหายไปล่ะ เราจะกลายเป็นอะไร ? ความรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่าจะเกิดขึ้นมาทันทีและสิ่งที่ตามมาก็คือความรู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง

    เพราะฉนั้นเราไม่ควรจะเอาตัวเองไปขึ้นอยู่กับสิ่งของ คน งาน หรือสิ่งอื่นๆใดเนื่องจากสิ่งเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ไม่หยั่งยืน มีเกิดก็ต้องมีดับ

    น่าเสียดายหนึ่งเดือนที่ผ่านมาจริงๆ ไม่ได้ไปยิม ทั้งเดือน ไปก็เล่นนิดๆหน่อยไม่น่าปล่อยตัวเองไปขนาดนี้เลย เสียดายเวลา เสียดายโอกาสดีๆ เสียดายอีกหลายๆอย่าง

    ทำไมหนอคนเราจึงพึ่งรู้ได้ ในวันที่สายไป เมื่อเวลาเดินล่วงเลย…

    แต่ถึงอย่างไร 1 เดือนที่ผ่านมาก็นับเป็นเดือนที่มีค่าสำหรับผมจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการที่ได้ไปผจญภัยแดนโหดแห่งนี้ และอื่นๆ มันทำให้ผมสามารถมองเห็นโลกนี้ได้กว้างขึ้น มองเห็นสิ่งต่างๆได้หลากหลายมุมมอง ได้รู้ว่าบางทีสิ่งที่ไม่จำเป็นก็ไม่ควรทำ สิ่งที่จำเป็นแต่ไม่ควรทำ ก็มี สิ่งที่ไม่ควรทำแต่จำเป็นต้องทำ ก็มี

    นับเป็นสิ่งที่มีค่ายิ่งนัก

    นี่ก็ไปเที่ยวมาได้ครบเดือนนึงแล้ว ยังรู้สึกว่ามันพึ่งจะผ่านไปเมื่อวานเอง….

    รูปซิมลา ยามค่ำคืน

    x1pk64-9H0OKxTU366O-3NXeVTxNdHWJ2yVCe9cSFrsgnuF0KxXu68iTMu927doDxUNpVGwKLvJFy8obZ2PMFC4AjhhTZMqrhz5wwb9BYube_k3UYPxqUzZt0mNFsx155Jk7syHbxe1lyruj0sbQr9WIQ

     

     

  • ผจญภัยแดนโหด ตอนที่ 4 : จาก Kalka สู่ Shimla (3 Nov 2005)

    หลังจากที่เราเดินทางอย่างเหน็ดเหนื่อยเป็นเวลากว่า 3 วันเต็ม โดยที่ไม่ได้อาบน้ำเปลี่ยนชุดเลยเราก็ได้เดินทางมาถึง Kalka (กัลก้า) เมืองหน้าด่านเพียงเมืองเดียวที่เราจะสามารถเดินทางต่อไป ยังShimla ได้

    รถไฟไปถึงกัลก้าประมาณ 3 ทุ่มนิดๆ พวกเราไม่รอช้ารีบไปจองตั๋วเพื่อที่จะเดินทางไปซิมลาสำหรับวันพรุ่งนี้

    พูดถึงกัลก้าเป็นเมืองเล็กๆของรัฐ (more…)

  • November 25 , 2005 Finished Intern

    วันนี้เป็นวันที่พวก Intern กำลังจะจบออกไปจากการฝึกงานที่ Intel เป็นนักศึกษาฝึกงานของอินเดียเขาฝึกกัน 6 เดือน

    คนที่อยู่ cubical ของผม 2 คนก็จบไปวันนี้เหมือนกัน คนนึงชื่อ “ชานโตชิต้า”(Shantoshita) กับ “อาป่าน่า”(Aparna)

    ช่วงที่อยู่ที่นี่ก็ไม่ค่อยได้คุยกับพวกเขาเท่าไหร่ เนื่องจากความสามารถอันน้อยนิดทางด้านภาษา (more…)

  • ผจญภัยแดนโหด ตอนที่ 3 : นรกบนดิน New Delhi The Crime Infested ,CorruptedCity

    รถไฟที่พวกเรานั่งมาจอดเข้าสู่ชานชลา หรือ Platform คนอินเดียเริ่มแย่งกันลงจากรถ พวกเราลงเป็นชุดสุดท้ายของตู้นี้เลยก็ว่าได้

     

    หลังจากร่ำลากับลามะสิกขิม และ หนุ่ม แคชเมียร์ อายุ 24 เรียบร้อยแล้ว พวกเราก็เดินกันอย่างงงๆ ไปตามเส้นทางชานชลาของสถานีรถไฟนิวเดลีที่ยาวเหยียด สิ่งที่พวกเราได้เจอคือ คนมหาศาล เสียงโวยวายเป็นระยะ

    ความไม่เป็นระเบียบ

    พอเราเดินขึ้นไปบนสะพานลอยสำหรับเอาไว้ข้ามชานชลา ก็พบกับคนๆนึงติดบัตรเขียนเอาไว้ประมาณว่าเป็นของรัฐบาลมาถามเราว่าจะไปไหน หรือ เราก็บอกไปว่าอยากหาทางออก เขาก็ชี้ไปให้ทังยังเตือนให้ระวังกระเป๋าด้วยเพราะคนเยอะเนื่องจากเทศกาล Diwali

    เมื่อเราเดินผ่านมาถึงทางออกซึ่งเป็นที่ขายตั๋ว ทำให้เราได้รู้ว่านรกเป็นอย่างไร แขกดำๆ นั่งอยู่เต็มพื้นพร้อมทั่งสัมภาระของเขา คนเดินกันเยอะแน่นมาก ทั้งพวกที่รอซื้อตั๋ว อีก ยังดีที่พวกเราได้ทำการฝากของไว้ที่ห้อง Cloak room เรียบร้อยแล้ว

     

    พวกเราต้องอยู่ที่นิวเดลีจนกว่าจะถึงเวลา 17.35 ซึ่งเป็นเวลาที่รถไฟจากนิวเดลีไปยังเมืองกัลก้า(เมืองก่อนที่จะไปซิมลา)จะออกเดินทาง พวกเราเลยตัดสินใจออกไปหาร้านอาหารกินกับนั่งรอจนกว่าจะถึงเวลาดังกล่าว

    เมื่อเราออกมาจากสถานีรถไฟ ก็เท่ากับว่าเราจะได้เหยียบเมืองหลวงของอินเดีย นิวเดลี ความรู้สึกที่พวกเรารู้สึกคือ "นรกบนดิน" นรกยังไง

     คนกับรถเดินปนกันมั่วไปหมด

     

     แตรรถดังตลอดเวลา

     

     

     คนขับรถขับด้วยสัญชาตญาณดิบของตัวเองไม่สนใจความปลอดภัยของคนเดินถนนหรือแม้แต่ของตัวเอง

     

     

     บนพื้นดินเต็มไปด้วยขยะและกลิ่นเหม็น

     

     

     พร้อมทั้งขี้วัว ขี้ควาย เต็มไปหมด

     

    หลังจากเดินออกจากสถานีสักพักเราก็ยังไม่เห็นว่ามีร้านอาหารไหนที่พวกเราพอจะเชื่อใจฝากท้องไว้ได้เลย ก็เลยเดินไปเรื่อยๆจนถึงซอยๆหนึ่งมีขายของเยอะมากมีการปิดถนน พวกเราเลยเดินเข้าไปเพื่อหาร้านอาหาร จนมาเจอร้านอาหารร้านนึง สภาพพอดูได้ แต่พอเข้าไปถึงนั่นแหละ ความรู้สึกก็เปลี่ยนไป ที่นั่งเป็นโซฟา ดำมากแบบว่าไม่เคยซักล้างเช็ดเลย บนโต๊ะก็มีแต่ฝุ่นเกาะเต็มไปหมด ไฟก็ไม่ยอมเปิด เปิดแค่หน้าต่างบานเล็กๆ บานเดียว 

    แต่เอาน่ะไหนมาแล้วก็เลยสั่งข้าวผัดกับหมี่ผัดมากินกัน หลังจากกินเสร็จผมคนเดียวออกไปเดินดูเมืองหลวงของอินเดียแห่งนี้ก่อนอีก สอง คน นั่งพักอยู่ที่ร้าน เจเหนื่อยมาก คิมท้องเสีย แต่สำหรับผมยังไหวอยู่ และคิดว่าในเมื่อเรามาถึงแล้วมันจะดีจะร้ายยังไงก็น่าจะไปสัมผัสดูบ้าง ไม่ใช่เรื่องเสียหายและเป็นโอกาสที่ไม่สามารถหามาได้ง่ายๆ

    จากการที่ผมได้เดินมาถึงแม้จะเป็นระยะเวลาสั้นๆ แต่ก็บอกได้คำเดียวว่าเมืองไทยดีกว่าเป็นล้านเท่า

     

    เวลาผมเดินไปไหนจะมีคนมาทักว่า "คอนนิจิวะ" "Japanese" แน่นอนเขาเข้าใจว่าผมเป็นคนญี่ปุ่น ก็ดีกว่าเป็นคนจีนอยู่หน่อย

     

    เดินๆ ไปเจอเสื้อสเวทเตอร์ สวยดี สนนราคา 550 นี่มันคงคิดว่าผมโง่มากถึงกะจะหลอกฟันเอาแบบนี้ ผมเองก็อยากได้เหมือนกัน เพราะยังไม่มีเอาไว้ใส่ตอนไป ซิมลาเลย เลยต่อราคามันไป 200 มันทำเป็นตกใจ บอกว่าขายไม่ได้ๆ ไม่ได้เด็ดขาด ก็ยืนต่อกับมันอยู่สัก 20 นาทีได้ จนราคาอยู่ที่ 300 RS ผมก็บอกมันว่าถ้า 300 ไม่ได้ก็ไม่เอาแล้ว(เพราะคิดว่าราคา 300 นี่สมเหตุสมผลที่สุดแล้วสำหรับสเวทเตอร์) มันก็ทำเป็นไปดูที่อื่นก่อนก็ได้(ดูมาหมดแล้ว) แต่พอผมจะไปมันกลับบอกว่า ok ได้ๆ 300 ก็เลยซื้อสเวทเตอร์มาได้ในราคา 300 Rs

     

    จากนั้นก็กลับไปหาอีก 2 คน แล้วออกเดินทางกลับสู่สถานีรถไฟพร้อมกับขึ้นรถไฟกับกัลก้า เมื่องที่จะต้องต่อรถไปที่ซิมลา

    ตอนต่อไปจะเล่าถึงกัลก้าครับ