Author: Charnsak

  • ไก่ตุ๋นยาจีนที่อินเดีย

    ซินเจียอยู่อี่ซินนี้ฮวดไช้ครับ สวัสดีปีใหม่จีน ขอต้อนรับเข้าสู่ ปีหมา ปีนี้ Intel กล่าวไว้ว่า จะเป็นปีที่จะมีการใช้เทคโนโลยีมากขึ้นเหมือนกับที่ Intel ได้คิด slogan ใหม่ว่า Leap Ahead!!! หรือการก้าวกระโดดไปข้างหน้านั่นเอง…ก็คงต้องดูกันต่อไปครับ

    ยิ่งโลกก้าวไปเร็วแค่ไหน ทำไมผมถึงยิ่งรู้สึกว่าตัวเองโง่ลงอยู่เรื่อยๆ (more…)

  • Faith of The Heart

    Faith of The Heart

    written by Diane Warren and sung by Russell Watson

    It’s been a long road
    Getting from there to here
    It’s been a long time
    But my time is finally near
    And I will see my dream come alive at last,
    I will touch the sky
    And they’re not gonna hold me down no more
    No, they’re not gonna (more…)

  • สุดแสนประทับใจกับ IBM

    วันนี้เอา LAPTOP IBM ไป เคลมมา เนื่องจากหน้าจอมีเส้นสีฟ้าขึ้นมาตลอดเวลา…

    8.45 : โทรไปที่ Call center IBM พนักงานถามอาการแล้วให้ลองต่อกับ External Monitor ดู ปรากฏว่าไม่มีเส้นที่ external monitor สรุปเป็นที่ LCD พนักงานออก Job Code ให้ พร้อมทั้งบอกให้เอาเครื่องไปที่ service center ทิ้งไว้ 3 วัน
    (more…)

  • No better or worst. No right or wrong. Just Different!

     

    December 28 , 2005

    ยังติดอยู่ที่อินเดียไม่อยากบ่นเรื่องพวกคนอินเดียลงใน blog อีกแล้ว เพราะว่าบ่นไปเยอะมากๆ เพื่อนๆที่อยู่ที่นี่เพิ่งจะได้เจอกับตัวกันจึงได้อยู่ว่าที่ผมเคยบ่นๆไปเป็นอย่างไร แถมยังบ่นลงใน blog กันตรึม

     

    เมื่อเราเจอคนอินเดียที่เลวร้ายมากๆเข้าพอเรามาเจอคนอินเดียสักคนที่ดีๆ เราจะรู้สึกว่าคนอินเดียคนนั้นดีมากๆ

    (more…)

  • ผจญภัยแดนโหด ตอนที่ 5 : Shimla เมืองกลางหุบเขา (3 NOV 2005)

    เวลาประมาณ 10 โมงเช้าเราก็ได้มาถึงซิมลาแล้วอากาศค่อนข้างหนาว แต่มากอาจะเป็นเพราะว่าแดดแรง ผมโทรไปที่โรงแรมให้มารับที่สถานีรถไฟ โรงแรมบอกว่าจะส่ง Taxi มารับให้เดินไปรอที่ที่จอดรถ

    รถที่นี่คันเล็กมากๆ แถมขับได้น่าหวาดเสียวจริงๆเข้าโค้งตัวความเร็วสูงมา และถ้าหลุดโค้งลงไปก็เป็นหน้าผานะครับเราถามคนขับว่าขับยากเนอะถนนแบบนี้อันตรายด้วย
    คนขับได้โอกาสโม้บอกเลยว่าสำหรับพวกเราที่ขับทางเรียบถ้ามาขับแบบนี้คงลำบาก แต่ I’m Profressionnal Don’t worry หมั่นไส้เขาเหมือนกัน แต่ก็ขับเก่งจริงๆ

    ธรรมชาติ หรือ วัฒนธรรม หรือนิสัย หรืออาจจะเรียกว่าได้สันดานการขับรถของคนอินเดียนี่เหมือนกันหมดต้องบีบแตร แม้ว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นและคนขับก็เหมือนกับว่าถ้าไม่ได้ยินเสียงแตรจะขับรถไม่ได้งั้น  การแซงในที่คับขันก็เช่นกันเป็นสิ่งที่เขาทำกันทั้งประเทศแน่นอน เพราะขนาดบนภูเขาที่ทางคับแคบแบบนี้ยังแซงกันได้แบบหวาดเสียวสุดๆ

    หลังจากเข้าโรงแรมกินข้าวอาบน้ำเรียบร้อยพวกเราก็เดินออกมาเพื่อที่จะไป The  Mall เป็นที่ Shopping กับจุดชมวิวที่มีชื่อของที่นี่ เดินไปถามทางไปปรากฏว่าต้องเดินขึ้นเขาอีกไกลโขเล่นเอาหอบไปเลยเหมือนกัน แต่พอขึ้นไปก็ได้พบกับวิวที่สวยงาม

    ถนน The mall นี้จะเป็นถนนที่มีของขายเยอะมาก ส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์กันหนาวที่ราคาไม่แพงนัก คนขายหน้าตาเหมือนคนเนปาลทั้งนั้น พวกเราได้ซื้อเสื้อสเวทเตอร์กันคนละตัวสองตัวจากที่นี่

    เหนือ The mall ขึ้นไปจะเรียกว่า The Rigde เป็นจุดชมวิวที่พวกอังกฤษมาสร้างเอาไว้สมัยก่อนถนนต่อกันยาวไปที่อื่นๆหลายที่ เช่น Lower Bazzar บริเวณที่ขายพวกเครื่องไม้ ไม้หอมอยู่เยอะมาก ผมไม่ค่อยชอบพวกนี้เลยไม่ได้ซื้ออะไรแต่ คิมกับเจ ได้ของฝากกลับไปเยอะพอสมควร

    หลังจากนั้นเราก็เดินต่อไปจุดหมายอยู่ที่ Hanuman temple วัดหนุมานนั่นเอง วัดนี้ตั้งอยู่บนภูเขา Jakku ที่อยู่เหนือระดับน้ำทะเล 7000 กว่าฟุต(จำตัวเลขแน่นอนไม่ได้)ต้องเดินกันประมาณ 2 กิโลเมตร แต่ทางชันมากต้องอึดจริงๆ แต่ก็ไม่เหนื่อยมากเพราะว่าอากาศค่อนข้างเย็น

     

    วัดนี้มีตำนานว่าหลังจากหนุมานกลับจากการปฏิบัติภารกิจให้พระราม ก็มานั่งพักอยู่ตรงยอดเขานี้ บนนี้มีลิงเยอะมาก แถมเถื่อนมากสามารถแย่งของจากมือคนได้อย่างหน้าด้านๆ เกือบทุกบ้านจึงต้องเลี้ยงหมาเอาไว้  เชื่อกันว่าลิงพวกนี้เป็นลูกหลานเหลนของหนุมานเลยไม่มีคนกล้าทำอะไรมั้ง

    พอขึ้นไปก็ต้องพบกับความผิดหวัง วัดไม่มีความสวยงามเลยเก่า ไม่มีการดูแลรักษาเลย
    แถมลิงพวกนี้ยังเถื่อนมาก ต้องระวังไว้ให้มากถ้าไปเจอเข้า ร้านค้าต่างๆจะมีขายไม้กันลิงเอาไว้ เวลามันเห็นไม้มันจะกลัว น่าจะมีให้เช่า เพราะว่าซื้อไปก็ไม่รู้เอาไปทำอะไร

    หลังจากเดินไปชมวัดหนุมานเสร็จก็กลับสุ่ที่พักกินข้าวนอนเอาแรงไว้เที่ยววันต่อไป…

     

    แถม

    การเจริญสติในชีวิตประจำวันของเรา ให้เฝ้าติดตามดูจิต รักษาอารมณ์ให้พอดีๆ ตามหลักมัชฌิมาปฎิปทา

    ปกติคนเราเมื่อกระทบอารมณ์แล้ว จิตก็ปรุงแต่งไปตามอารมณ์ยินดี ยินร้าย เป็นสุขภาพใจที่ไม่ดี

    เมื่อกระทบอารมณ์ที่ทำให้ไม่พอใจ โกรธ เสียใจ ก็ให้นึกในใจว่า ดี แล้วหายใจออก เอา ดี เช็ดความรู้สึกที่ไม่ดีออกไป เมื่อหายใจออก ให้ตั้งสติกดลมหายใจยาวๆ เบาๆ เช็ด ถู กวาดความรู้สึกที่ไม่ดีออกไป ทำความเข้าใจว่า เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเป็นไปตามกฏแห่งกรรม เหตุการณ์ที่จะต้องเกิดมันก็เกิด

    เมื่อกระทบอารมณ์ที่ทำให้พอใจ ดีใจ ก็ให้นึกในใจว่า พอ แล้วหายใจออกเอาพอ เช็ดความรู้สึกตื่นเต้นดีใจที่มากเกินออกไป เมื่อหายใจออกให้ตั้งสติกดลมหายใจออกยาวๆ เบาๆ เพื่อระงับความตื่นเต้น และทำใจให้สงบลง

    เมื่อเรามีสติสัมปชัญญะ มีความรู้ตัวชัดเจนแล้ว เราจะมองเห็นชัดเจนว่า ความรู้สึกไม่ว่ายินดี ยินร้าย สุข ทุกข์ ก็ล้วนไม่แน่นอน เราไม่ไปหลงยึดไว้ เป็นทาสของความรู้สึกยินดี ยินร้าย ตั้งเจตนาที่จะสงบระงับความโลภ โกรธ หลง รักษาอารมณ์ พอดีๆ เป็นมัชฌิมาปฎิปทา หรือเรียกว่า ทางสายกลาง