Category: Life at India

  • ผจญภัยแดนโหด ตอนที่ 2 : รถไฟอินเดีย

     

    เมื่อวันเดินทางมาถึงพวกเราต้องเดินทางไปยังสถานีรถไฟที่ชื่อว่า Bangalore CITY เพื่อออกเดินทางไป นิวเดลี

    สถานีรถไฟใน บังกาลอร์มีทั้งหมด 3 สถานี สถานีนี้เป็นสถานีที่ใหญ่ที่สุด

    กำหนดเวลารถไฟออก คือ 18.40  แต่พวกเราออกเดินทางจากที่พักเวลา 14.30 ใช้เวลาในการเดินทางจากที่พักไปสถานีรถไฟ 1 ชั่วโมง

    พวกเราไปถึงเวลาประมาณบ่าย

    3 ครึ่งนั่นหมายความว่าเราต้องรอถึง 3 ชั่วโมงกว่าที่รถไฟจะออก

    พอไปถึงสถานีรถไฟสิ่งที่ผมรู้สึกได้คือความสกปรก ความหน่าแน่นของฝูงชน คนอินเดียส่วนใหญ่นั่งนอนบนพื้น ทั้งๆที่เขาก็มีการสร้างห้อง Waiting Room เอาไว้ให้แล้ว แต่ในห้องพวกนั้นกลับไม่ค่อยมีคน

    พวกผมเอาสัมภาระไปฝากที่ห้องที่เรียกว่า "Cloak Room" เสียค่าฝากกระเป๋ากันใบละ 10 Rupees จากนั้นก็ไปเดินเล่นกันต่อจนใกล้ๆถึงเวลารถไฟก็มาถึง

    ที่ทางเข้ารถไฟแต่ละตู้จะเขียนที่นั่งและชื่อผู้โดยสาร เพศ อายุ เอาไว้พร้อมสรรพ ให้คนขึ้นได้ตรวจสอบเอาจากตรงนั้น

    หลังจากที่ผมตรวจสอบในตั๋วเราได้ตู้ที่ชื่อ AS2 เป็นชั้นที่เรียกว่า "AC3 Tier" หรือ แอร์สามชั้น ถ้าแปลเป็นไทย

    ซึ่งก็หมายความว่าต้องมีคนนึงที่ไปนั่งอยู่กับแขกเป็นเรื่องที่น่ากลัวเหมือนกัน

    ที่นั่งบนรถไฟจะเป็นม้านั่งยาวมีเบอะพอนิ่มนั่งฝั่งละ 3 คน ข้างบนมีที่นอนอีก 2 ชั้น ชั้นสอง ถูกพับเก็บไว้ใต้ที่นั่งบนรถไฟจะมีห่วงเล็กๆอยู่เพื่อให้เราเอาโซ่ไปคล้องกับกระเป๋า ป้องกันการถูกขโมย ตรงนี้ผมหาข้อมูลมาจึงเตรียมโซ่ไปเรียบร้อย แต่ที่สถานีรถไฟก็มีขายกันเกลื่อน

    พอเราขึ้นไปนั่งจัดกระเป๋าเข้าที่เข้าทางเรียบร้อยอยู่ดีๆ เจ ก็ร้องโวยวายขึ้นมา เล่นเอาตกใจกันอย่างมาก สิ่งที่เจ เจอ นั่นก็คือ"แมลงสาบ" บนที่นั่งนั่นเอง แล้วพวกเราก็เจอกับมันตลอดการเดินทางรวมกันหนูตัวเล็กๆด้วย

    สักพักเพื่อนร่วม Coach ของพวกเราก็ขึ้นมาเป็น พระธิเบตอายุ 37 ปี , หนุ่ม IT อายุ 24 จากแคว้น แจมมูและแคชเมียร์ ส่วนอีกคนจะตามขึ้นมทีหลัง (อาจจะส่งสัยว่าไปรู้อายุเขาได้ไงมันมีติดเอาไว้ที่ตู้ก่อนขึ้นไง)

    พูดถึงระยะเวลาการเดินทางจาก เมืองบังกาลอร์ ไปยัง  นิวเดลี อยากให้ท่านผู้อ่านลองเดาดูสักนิดว่าใช้เวลานานแค่ไหน(บังกาลอร์อยู่ทางตอนใต้ เดลีอยู่ทางตอนปลายภาคเหนือของอินเดีย)

    12 ชั่วโมง? 24 ชั่วโมง ? ไม่ใช่ครับ ถ้าลองคิดจากระยะเวลาการเดินทางด้วยรถไฟจาก นราธิวาสไปเชียงราย (ที่ไทยคงไม่มีสายไหนวิ่งยาวขนาดนั้นเหนือสุดไปใต้สุด) คงจะกินเวลาประมาณ เกือบๆ 30 ชั่วโมง

    แต่รถไฟที่ผมนั่งไปใช้เวลาทั้งหมด 42 ชั่วโมง ใช่แล้วครับ เกือบๆ 2 วันเต็มๆ นั่นแสดงว่าพวกเราต้องอยู่บนรถไฟ 2 คืน เต็มๆ

    แล้วเราจะกินอะไรล่ะ ? บนรถไฟสายยาวๆ ของอินเดียจะมีตู้ที่เรียกว่า Pantry สำหรับทำอาหารอยู่ จะมีพนักงานของรถไฟเดินมาถามเป็นระยะๆ ว่าจะกิน Breakfast ไหม lunch ไหม dinner ไหม ก็อาศัยตรงนี้รอดมาได้

    ที่เป็นเรื่องตลกบนรถไฟคือจะมีคนขายพวก ชา กาแฟ มาบ่อยมาก สนนราคาแก้วละ 4-5 Rupees ชาของอินดียเขาเรียกว่า "จัย" ซึ่งเวลาเขามาขายก็จะตะโกนว่า "จัยๆๆๆๆ" เสียงยืดๆ ตลอดเวลา เล่นเอาไม่ได้นอนกันไปเลย รู้สึกเหมือนเจจะชอบเสียงนี้มาก

    ผมได้ลองชาที่เขาขายกินครั้งแรกๆ ไม่อร่อยเลย แต่พอกินๆ ไปกลับรู้สึกว่ามันอร่อยทำให้ตลอดทริบนี้ติดชาอินเดียไปเลย ชาที่มาขายจะมีหลายแบบมาก "มาซาลา จัย" เอย "ซอยยา จัย" (ลองฟังเสียงสำเนียงอินเดียมา) แต่ทุกอย่างรดชาติเหมือนกันหมดทำเอาผมเสียตังค่าโง่ลองไปตั้งหลายแก้ว

    ช่วงที่อยู่บนรถไฟคิมจะเรียกว่าซวยก็ว่าได้เพราะเป็นทั้งไข้หวัด และ ท้องเสีย

    ระยะเวลาสองวันบนรถไฟ มันมากพอที่จะทำให้ได้รู้จักเพื่อนใหม่ๆข้างๆ ได้ อย่างเช่น พระลามะจากเมืองสิกขิม ได้สอนพวกเราเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา หลายเรื่อง เช่น ลามะ แปลว่า ผู้สอน ,  ศาสนากับวิทยาศาสตร์ , การปฏิบัติตนของพระแต่ละนิกาย และอื่น

    ส่วนหนุ่มที่มาจาก แจมมูและแคชเมียร์ พวกเราถามเขาว่าไม่กลัวแผ่นดินไหวเหรอ เขาตอบกลับมาว่า "ไม่กลัวหรอกบ้านเมืองของเราสร้างได้แข็งแรงไม่เหมือนญี่ปุ่น อีกอย่างที่ๆ เราอยู่มีเรื่องที่น่ากลัวกว่าแผ่นดินไหวตั้งเยอะ" นั่นสิครับดินแดนเจ้าปัญหาระหว่างอินเดียกับ ปากีสถานแห่งนี้ มีการก่อการร้ายอยู่เนืองๆ

    เอาละครับ หลังจากอยู่บนรถไฟกันมานาน พวกเราก็มาถึงเดลี เมืองหลวงที่ใหญ่ที่สุด เป็นรัฐพิเศษ 1 ใน 27 รัฐของอินเดียแล้ว โปรดติดตามตอนต่อไป

  • ผจญภัยแดนโหด ตอนที่ 1 : แผนเปลี่ยน

    เที่ยวอินเดีย เมื่อปี 2005

    ตอนแรกกะว่าจะไม่เล่าเรื่องที่ไปเที่ยวมา แต่ถ้าไม่เล่าก็คงน่าเสียดายที่ไม่ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ดีๆที่ได้เจอมาให้คนอื่นได้รับรู้เอาเป็นว่าผมจะขอเล่าแต่เรื่องที่ดีๆ ของประเทศนี้ก็แล้วกัน

    ผมได้มีโอกาส(ที่แลกด้วยเงิน) ไปเที่ยวทางตอนเหนือของอินเดียเป็นเวลาสองอาทิตย์ จากตอนแรก วางแผนไว้เพียงอาทิตย์นิดๆ แต่แล้วก็ยืดเยื้อไปเป็น สอง อาทิตย์เนื่องด้วยความเสียดายและไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ไปอีกเมื่อไหร่ เลยเที่ยวยาวไปเลย แต่หารู้ไม่ว่า สองอาทิตย์เป็นเวลาที่ยาวนานเกินไป

    แผนที่วางไว้ตอนแรก คือ เมืองตอนเหนือที่ชื่อ ซิมลา –> นิวเดลี –> อักรา(เมืองที่มี ทัช มาฮาลตั้งอยู่)แต่เนื่องจากเดชะบุญหรือสวรรค์ลิขิตเอาไว้ก็หารู้ไม่แผนการเดินทางคือวันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม 2005 แต่ วันเสาร์ที่ 29 ตุลาคม ตอนเย็นๆในขณะที่ผมกำลังนั่งดูทีวีอยู่กับเพื่อนที่นี่ ก็มีคนที่บ้านโทรหา ปอนกับนุ  ว่ามีการวางระเบิดที่ นิวเดลี

    ผมไม่รอช้ารีบเปลี่ยนทีวีไปช่อง CNN BBC หรือแม้แต่ทีวี ท้องถิ่น ทุกช่องรายงานข่าวเดียวกันหมด เป็นการระเบิดพร้อมกัน 3 จุด ใน นิวเดลลี มีคนตาย และได้รับบาดเจ็บหลายคนทีเดียว

    หลังจากที่ผมนั่งคิดดูแล้วเห็นว่าไม่ควรไปนิวเดลี แต่จะไม่ไปเลยก็ไม่ได้เพราะว่าพวกเราได้จ่ายสตางค์ค่ารถไฟและค่าโรงแรมไปหมดแล้ว เลยลองถามเพื่อนร่วมทริบนี้อีกสองคน ก็คือ คิม และ เจ ทั้งสองคน เห็นด้วยที่จะไม่ไปนิวเดลี แผนการใหม่จึงเริ่มขึ้น

    จากเดิม คิมบอกว่าอยากเห็นหิมะ จาการหาข้อมูลของผมมันไม่มี หิมะที่ซิมลาอยู่แล้ว แต่ที่ มานาลิมีหิมะ เราเลยเปลี่ยนแผนไปที่ มานาลิ 1 ที่

    และเช่นกัน เจ ก็บอกว่าอยาไปธรรมศาลาอยู่แล้วเราเลยเปลี่ยนแผนไป ธรรมศาลาด้วย  สำหรับผมไม่ได้มีที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษเลยไม่มีปัญหาอะไรเลย เพราะว่าไปที่ไหนก็ได้ ใจจริงผมอยากไปทุกที่ในอินเดียอยู่แล้ว

    แผนการจึงเปลี่ยนเป็น ซิมลา –> มานาลิ –> ธรรมศาลา –> อักราแทน ไม่ไปเดลีแล้ว โดยมีเวลาทั้งหมด 13 วันเต็มๆ แต่เวลาเที่ยวมันน้อยกว่าที่คิดนัก

    สรุปแล้ว แผนการที่ตั้งไว้ก็ต้องเปลี่ยนพวกเราสามคนก็ไม่ได้มีโอกาสไปเที่ยวเมืองหลวงของอินเดียที่ชื่อ นิว เดลี แต่ก็ต้องมีการเเปลี่ยนรถที่เมืองนี้อยู่เหมือนกัน

  • อินเดีย อินเทล อิน มายมาย

    November 18 ,2005 เรื่องราวของคนอินเดีย
    – ชอบจ้องหน้าอย่างไร้การศึกษา
    จะเรียกได้ว่าคนพวกนี้ไม่รู้จักคำว่าเกรงใจ หรือ มารยาท เพราะเขาไม่มีกัน เวลาไปที่ไหนจะมีแต่พวกที่
    ไม่เคยเห็นชาวต่างชาติ จ้องแบบไม่มีความเกรงใจ หรือ เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น ทั้งคนที่ดูมีตัง หรือดูไม่มี
    ตังก็ตาม ถ้ามันไม่เคยเห็นมันจะจ้องอย่างไร้วัฒนธรรม

    (more…)