Rome was not built in a day: The Vatican City, St. Peter’s Basilica, Sistine Chapel

พาเที่ยวนครรัฐวาติกัน กรุงโรม ประเทศอิตาลี

The expression (as “Rome was not built in one day”) is given in English in John Heywood’s A Dialogue Conteinyng the Nomber in Effect of all the Prouerbes in the Englishe Tongue (c. 1538; reprinted here), while Queen Elizabeth referred to the idea in Latin in an address at Cambridge in 1563.[1]

คำว่า “Rome was not built in a day” หรือ กรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว เริ่มต้นจาก ภาษาฝรั่งเศส ที่ว่า «Rome ne s’est pas faite en un jour.» ตั้งแต่ปี 1190  (ที่มา http://en.wikipedia.org/wiki/Rome_wasn%27t_built_in_a_day)

นครรัฐวาติกัน เป็นประเทศที่เล็กที่สุดในโลก มีอนาเขต เพียงแค่ 0.44 ตารางกิโลเมตร มีประชากรประมาณ 900 คน

ตัวประเทศมีกำแพงสูงใหญ่ล้อมรอบ ตั้งอยู่ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี ที่น่าสนใจก็คือ แม้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2  โรมถูกครอบครองทั้งจากเยอรมัน และฝ่ายสัมพันธมิตร แต่ทั้ง 2 ฝ่ายก็ยังให้เกียรติ นครรัฐวาติกันว่าเป็น ประเทศที่เป็นกลางอยู่นั่นเอง

เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มาถึงแล้วต้องไปกันให้ โดยในกรุงวาติกัน จะประกอบไปด้วย 2 ส่วนใหญ่ๆ คือ พิพิธภัณฑ์ นครรัฐวาติกัน และ โบสถ์ เซ้นปีเตอร์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ป้ายบอกเวลารถเมล์ในโรม

ป้ายบอกเวลารถเมล์ในโรม

พิพิธภัณฑ์วาติกัน และ Sistine Chapel

The Vatican Museums (Italian: Musei Vaticani)  เป็นพิพิธภัณฑ์ ที่สร้างตั้งแต่ ศตวรรษที่ 16 เลยทีเดียว ด้านในก็จะมีศิลปะ ทั้งภาพวาด เขียน รูปปั้น รวมถึงมัมมี่จริงๆ จาก อิยิบ เลยทีเดียว แต่ที่ที่ๆน่าจะมีชื่อเสียงที่สุดคือ Sistine Chapel ซึ่งเป็นห้องที่ถูกวาดโดย ไมเคิลแองเจอโล่ ทั้งห้อง ใช้เวลาวาดกว่า 4 ปีทีเดียว (ไม่ให้ถ่ายรูป) โดยภาพใน Sistine Chapel  จะพูดถึง จุดกำเนิดของศาสนาคริสต์ ล้วนๆ

ภายในห้องจะมีภาพต่างๆมากมายวาดอยู่ทั้งเพดาน ผนัง ทุกที่ โดยภาพที่มีชื่อเสียงที่สุด ชื่อว่า “The Last Judgment” เป็นภาพที่แสดงถึง จุดกำเนิดของชีวิต นรก และสวรรค์ ตามความเชื่อของศาสนา คริสต์นิกาย โรมัน คาทอลิก ในตอนแรกนั้น ไมเคิลแองเจอโล่ ปฏิเสธ ที่จะวาดให้กับห้องนี้ แต่ พระสันตปาปา Pope Julius II โดยใช้เวลาวาดตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1508-1512

แค่หงายคอมองขึ้นไปบนเพดานและผนังรอบๆ ยังไม่ทันทั่วก็เหนื่อยแล้ว แต่ ไมเคิลแองเจอโล่ วาดภาพเหล่านี้เองทั้งหมดนับว่าเป็นจินตกรเอกอันดับต้นๆของโลกเลยทีเดียว

ค่าเข้าชม 16  EUR ต่อคน แต่แนะนำให้จองผ่านทางเน็ตมาก่อน เพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปต่อแถวโคตรยาว ที่ http://biglietteriamusei.vatican.va/musei/tickets/do?action=booking&codiceLivelloVisita=9&step=1

แถวเข้าพิพิธภัณฑ์ วาติกัน เวลา 08.30 น.

แถวเข้าพิพิธภัณฑ์ วาติกัน เวลา 08.30 น.

 

“Without having seen the Sistine Chapel one can form no appreciable idea of what one man is capable of achieving.”
—Johann Wolfgang Goethe, 23 August 1787, [29]

บริเวณสวนในพิพิธภัณฑ์ วาติกัน

บริเวณสวนในพิพิธภัณฑ์ วาติกัน

บริเวณสวนในพิพิธภัณฑ์ วาติกัน

บริเวณสวนในพิพิธภัณฑ์ วาติกัน

สร้างเมื่อปี 1990

สร้างเมื่อปี 1990

อีกรูปปั้นที่มีชื่อเสียง

อีกรูปปั้นที่มีชื่อเสียง

บรรไดวนในพิพิธภัณฑ์

บันไดวนในพิพิธภัณฑ์

ระหว่างทางเดินไป Sistine Chapel

ระหว่างทางเดินไป Sistine Chapel

DSC04029

มหาวิหารเซ้น ปีเตอร์ St. Peter’s Basilica

อีกที่หนึ่งที่มาแล้วก็ต้องเข้ามาให้ได้ ก็คือ St. Peter’s Basilica เป็นโบสถ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เป็นสุดยอดของโบสถ์ในนิกาย โรมันคาทอลิก ได้รับการยอมรับว่าเป็นโบสถ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกเลยทีเดียว

เดิมทีตัวโบสถ์มีขนาดไม่ใหญ่เท่าปัจจุบันนี้ แต่ได้มีการต่อเติมมากขึ้นๆจนเป็นแบบปัจจุบันนี้ ด้านในดูยิ่งใหญ่จะสวยงามไปด้วยปฏิมากรรมต่างๆ มากมาย

ขึ้นไปด้านบนสุดของโดมด้วยการเสียเงิน 5 EUR แล้วเดินอีก 500 กว่าขั้น หรือเสียเงิน 7 EUR แล้วขึ้นลิฟต์ เพื่อไปเดินด่ออีก 320 ขั้น ก็เหนื่อยใช้ได้เลยครับ

ส่วนตัวไม่ได้เป็นคริสเตียน เลยไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับศาสนาเท่าไหร่ แต่ยิ่งใหญ่สมชื่อจริงๆ

 

Swiss Guard เฝ้าทางเข้าออก โบสถ์

Swiss Guard เฝ้าทางเข้าออก โบสถ์

ส่วนหนึ่งภายใน St.Peter's Basilica

ส่วนหนึ่งภายใน St.Peter’s Basilica

ส่วนหนึ่งภายใน St.Peter's Basilica

ส่วนหนึ่งภายใน St.Peter’s Basilica

วิวจาก บนสุดของ St.Peter's Basilica หอบกันเลยกว่าจะไปถึง

วิวจาก บนสุดของ St.Peter’s Basilica หอบกันเลยกว่าจะไปถึง

ถ่ายจากจุด 200 ขั้น

ถ่ายจากจุด 200 ขั้น