คนที่อยู่ cubical ของผม 2 คนก็จบไปวันนี้เหมือนกัน คนนึงชื่อ “ชานโตชิต้า”(Shantoshita) กับ “อาป่าน่า”(Aparna)
ช่วงที่อยู่ที่นี่ก็ไม่ค่อยได้คุยกับพวกเขาเท่าไหร่ เนื่องจากความสามารถอันน้อยนิดทางด้านภาษา เวลาคุยกันทีก็ต้องฟัง 2-3 รอบ เลยเซ็งไม่ค่อยอยากพูดจะได้คุยกับ Aparna มากกว่าเพราะเธอต้องเทสโปรแกรมที่ผมทำอยู่
ตอนแรกที่พวกเขากำลังจะไปก็คิดว่าดีเหมือนกันนะจะได้ไม่ต้องหนวกหูเพราะเขาคุยกันเสียงดังมากยิ่งเวลามีเพื่อนมาเยอะๆ
วันนี้ Aparna เลยพา intern คนใหม่ที่จะทำงานเทสโปรแกรมของผมต่อจากเธอมาแนะนำให้รู้จัก และ บอกรายละเอียดเกี่ยวกับโปรแกรมต่างๆของผม
ทีนี้ก่อนจะกลับ Aparna ก็มาลาผมพร้อมกับเสียงสั่นๆว่า จะไปแล้วนะ It’s very glad to know you อะไรประมาณนี้ แล้วก็บอกให้ keep in touch
แต่ที่น่าตกใจคือเธอน้ำตาคลอ ออกมาก็ไม่รู้ว่าซึ้งมาจากที่อื่นก่อนหรือเปล่า(หรือผงเข้าตา) ทำให้ต้องไปหาทิชชู่มาซับเลยทีเดียว จากนั้นก็ร่ำลากันพอเป็นพิธี
แต่มันก็ทำให้ผมน้ำตาซึมเหมือนกัน เพราะทั้งชีวิตนี้ก็ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกหรือเปล่า อย่างดีก็คงได้คุยกันผ่าน IM ทั้งหลายแหล่
ลองมาคิดดูแล้วผมก็ได้คุยอะไรกับเธอเยอะเหมือนกันถึงแม้จะไม่ค่อยรู้เรื่อง ครั้งนึงเคยถามเรื่องการเรียนต่อที่นี่เธอก็ช่วยหาข้อมูล พร้อมอธิบายเป็นฉากๆให้เลย(แต่คงไม่มาเรียนแล้วล่ะ)
ทุกคนที่จบ intern หน้าตา ยิ้มแย้มแจ่มใส ปนกับความเศร้า 6 เดือนมันก็เป็นเวลาที่ยาวนานเหมือนกันกว่าที่คนเราจะผ่านมันไป
แล้วพวกเราที่มาจากเมืองไทย ต้องอยู่ที่นี่กัน 1 ปี ตอนที่พวกเราจบจากที่นี่ไปจะเป็นยังไงบ้างนะ
สิ่งที่เกิดขึ้นมันทำให้ดีกรีการเกลียดคนอินเดียของผมลดลงไปได้มากเหมือนกัน ทำให้คิดได้ว่าเราไม่ควรจะเหมาอะไรรวมทั้งหมด เพียงเพราะคนส่วนใหญ่เป็นแบบนั้น
อาจจะยังมีคนส่วนน้อยที่ยังเป็นคนดีอยู่ก็ได้ …………. คนดี ยังมีอยู่ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกปฏิบัติกับคนเหล่านั้นอย่างไร
อย่างน้อยครั้งนึงก็ได้ชื่อว่ามีเพื่อนเป็นคนอินเดีย……….
Leave a Reply
You must be logged in to post a comment.